วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

6 แสนบาท สร้างบ้านใหม่ได้แค่ไหน มาดูกัน

6 แสนบาท สร้างบ้านใหม่ได้แค่ไหน มาดูกัน

border=0


ภายหลังพลัดหลงเข้าไปในเวปคอนโดพร้อมกับบ้านเกษตรพอเท่า...หวังเดินตามรอยพ่อ....จึงเป็นที่มาของบ้านหลังนี้
แรกเจอเธอก็หลงรักทันที่ แปลงเล็กๆ 4 ไร่ คงไม่เกินกำลังของสองคนตา..ยาย





ถมดินไว้ประมาณ 90 วา เพราะจ้างรถไถนาสองคันมาดันดินในนามาพูนไว้ตรงที่จะสร้างบ้าน







จนถึงตั้งเสาสำเร็จเสร็จ  ก็เทคานคอดินรัดเสาทุกต้น  ที่เสาไม่เท่ากันเพราะจักต่ิอเสาไม้ยาว 3.5 ม.ครับ






ขึ้นโครงหลังคา  เป็นแบบเพิงหมาแหงนครับ 





มุงหลังคาเสร็จก็เปิดม่านบังตาปูพื้นไม้ พร้อมๆกันกับก่ออิฐห้องน้ำ














ตีฝาภายนอกเสร็จก็เริ่มทำทาสีรองพื้นกันเชื้อราครับ


























ภาพรวมภายนอกของบ้านน้อยปลายนาเพิงหมาแหงนครับ



ตัวบ้านกว้าง 8 เมตร ยาว 10.5 เมตร  พื้นที่ใช้สอย 84 ตรม. 
แต่ช่างคิดค่าแรง 100 ตรม. 1.5 แสนบาทครับ   จบแล้วครับ 








วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มีงบ 1.3 ล้าน สร้างบ้านเดี่ยว รูปธำรงรูปสามเหลี่ยม

มีงบ 1.3 ล้าน สร้างบ้านเดี่ยว รูปทรงสามเหลี่ยม 

border=0


นั่งอ่านกระทู้รีวิวบ้านใช่ไหมคอนโด มานานแล้ว วันนี้กระหายจะมาอวดบ้านของตัวเองบ้างแหะๆ ระหว่างที่ทำบ้านก็ถ่ายรูปเก็บไปด้วย มันเหมือนเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นที่ดินของพ่อค่ะ พ่อยกให้แล้วให้เราสร้างเอง ตอนเห็นที่ดินเป็นรูปสามเหลี่ยมแล้วกุมขมับเลย เนื่องมาจากว่ามีคนทักว่ามันทางผิดฮวงจุ้ยอย่างแรง แต่คงจะไม่ทำก็ไม่ได้ ความหมายของมันมีมากกว่าความเชื่อ เลยเข้าข้างตัวเองว่า...  เป็นคนดีเสียอย่าง ผีเผอฮวงจุ้ยคงทำอะไรเราไม่ได้มากนักหรอก   รูปบ้านหลงเก่าค่ะ ให้เขาเช่า โดนทางด่วนตัดทะลุทะลวงจากสี่เหลี่ยมเป็นสามเหลี่ยมเลย ที่ดิน 31 ตร.ม


border=0


ภายหลังจัดการคุยกับผู้เช่าให้ยักออกภายในสามเดือน ระหว่างนั้นก็เกริ่นติดต่อสถาปนิกมาออกแบบบ้านให้ ที่บ้านก็ค้านหัวชนฝาเลยว่าให้ใช้เจ้าหน้าที่จากเขต ก็เพราะว่าเร็วกว่า ไวกว่า ไม่ต้องกินหลายต่อ (เข้าใจใจมั้ยคะ) แต่แบบว่าบ้านเราไม่ได้สร้างกันบ่อยๆ ใช่ว่าไม่ชอบก็ทุบทิ้งสร้างใหม่ไปเรื่อยๆ เราเลยดื้อไม่ยอม  (ลืมหมายไปว่าบ้านนี้อยู่ในที่ดินเดียวกันกับบ้านญาติๆด้วยค่ะ) แอบไปติดต่อสถาปนิกเงียบๆ พี่สถาปนิกพอได้โจทย์จากเราไปก็เอาไปออกแบบมาให้ดูก่อนว่าชอบมั้ย ตอนแรกออกมาเป็นแบบนี้เลย



แต่ด้วยเหตุว่าว่าเรามีงบในการทำบ้านที่จำกัด เลยระบุกับเขาไปว่า ไม้ที่แปะๆบ้าน หรือไม่ก็ ชอบมากๆแต่เงินสู้ไม่ไหว  ควรเอาออกซะ ก็เพราะว่ามีงบคาดคะเนแค่ 1ล้าน3แสน บาทเท่านั้น กับอีกอย่างบ้านที่หันไปทางญาติมันทึบตันไปหมด ทำให้ดูขาดการติดต่อกับญาติเกินไป เลยทะเยอทะยานให้ฝั่งนั้นมีกระจก แต่คุณฮะ (สถาปนิก) เขาก็ค้านนะว่ามันจักร้อน แดดจักตรงเข้าบ้านเลย แต่...เราคิดแค่ว่าตะโกรงเห็นบ้านญาติด้วยอ่ะ เลยขอให้เขาเปลี่ยนแบบ แล้วก็ได้มาใหม่ คราวนี้เป็นรูปร่างเรียบๆ ไม่หวือ  

ปล.โจทย์ของบ้านมีดังนี้  ขอแก้ไขนิดนึงค่ะ 1ล้าน3แสน เพราะว่าเฉพาะงบตัวบ้านไม่รวมตกแต่งนะคะ ตั้งงบประมาณไว้เท่านั้นแต่นักๆ 1.1 ล้านนะบาทค่ะ 

1.บ้านอยู่คนเดียว ขอเรียบเท่ 
2.บ้านหนึ่งห้องนอน สองห้องน้ำบน-ล่าง หนึ่งห้องรับแขก หนึ่งห้องทำงาน  
3.หน้าบ้านมีที่จอดรถ



ใหญ่ไปไม่ใช่หรือว่าเปล่าหว่า ย่อไม่ทัน ขอโทษด้วยค่า งั้นต่อเลยแล้วกันนะคะ  เราก็ปรึกษากับทางบ้านไปว่า เอาแบบนี้เลยแหละ ชอบแล้ว เรียบๆดี อีกอย่างมันคงไม่ได้เหมือนตึกมากเกินไปก็เพราะว่าว่าคงไม่มีใครทำบ้านสามเหลี่ยม ไม่ใช่หรือกลายเป็นเท่ห์ไปอีกแบบ ก็เลยตกลงกับแบบนี้ จัดการรื้อบ้านในทันที (แน่นอนว่าต้องติดต่อกับเขตแล้วเรียบร้อย มีคนเดินเรื่องให้  เราว่าในส่วนที่เหนื่อยที่สุดคือการคุยกับเขตนี่แหละ ซึ่งกว่าจักตกลงแบบบ้านเสร็จเราแทบหมดแรงเลย



ช่วงที่ทำดันเหตุเกิดมีมรสุมเข้ามาไม่ขาดสาย เดี๋ยวก็มีฝนตกแทบทุกวัน ช่างก็เดี๋ยวติดงานตรงนั้นทีตรงโน้นที เรานี่แทบจะกรี๊ด เอาเป็นว่าการทำบ้านนี่ทำให้หมดพลังชีวิตไปกว่า 100 HP เลยทีเดียว แต่ก็แอบยอมรับว่าช่างที่ทำบ้านนี้ค่อนข้างจักสปอร์ต ใช้เหล็กอย่างหนาแบบไม่เสียดายเลย ขอแค่ให้บ้านแข็งแรง แป๊บๆก็ริริเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว  สามเหลี่ยมยิ่งๆนะไม่ได้โม้





พอบ้านเปิดมู่ลี่เป็นรูปเป็น่าง ส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คงจักเป็นเรื่องของการซื้อกระเบื้องมาปูนั่นปูนี่ ตอนแรกคิดว่าจักเซฟเงินให้ได้มากที่สุด แต่พอไปเโจษจันกกระเบื้องยิ่งๆแล้วมันตื่นเต้นลมจะใส่ แพงเท่าไหร่ก็ยอม แล้วเป็นคนที่ชอบบ้านแบบปูนขัดมันมากๆก็เพราะว่ามันดูโมเดิร์นแบบเด็กแนวดี  ผู้ใหญ่ที่บ้านก็ไม่เห็นด้วย (อีกแล้ว) เขาเปรยว่ามันเหมือนบ้านไม่เสร็จ  ไม่เป็นไร ฉันเสร็จของฉันคนเดียว เอาอยู่  




จักเห็นว่าแบบบ้านอยู่ตรงช่วงทางด้านขวาจักไม่ตรงกับแบบ แต่ว่านิดหน่อย  เพราะว่าตะโกรงได้ห้องน้ำชั้นบนกว้างๆ แหะๆ งั้นขอใส่รูปภาพเลยแล้วกันเนาะ อันนี้เป็นฝั่งหน้าบ้านตรงทางขึ้นบันไดค่ะ ช่างตั้งใจทำบ้านสูงๆเลยกะว่าน้ำท่วมไม่ถึง (ซอยนี้ถนนต่ำค่ะ ฝนตกทีก็น้ำท่วมตลอด) บ้านเราเลยสูงเกือบเท่าอพาร์ตเม้นต์ของลุงอยู่แล้ว    ตรงทางขึ้นใช้กระเบื้องไม้ค่ะ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นดี ส่วนตรงผนังก็ฉาบแบบขัดมันเลย




รูปใหญ่บ้างเล็กบ้างอย่าถือนะคะ ย่อไม่ค่อยจักเป็น เพิ่งรีวิวครั้งแรก  เอาเป็นว่าภายนอกบุกเบิกเป็นรูปเป็นร่างแล้ว  ปล.ลืมเอาภาพด้านหลังให้ดูว่ามันเป็นสามเหลี่ยมแบบไหน  


มานี้เข้ามาสู่ภายในบ้านนี้กันบ้าง เพราะว่าว่าภายนอกนั้นยังคงลงมือทาสีไม่ได้เนื่องด้วยช่วงนั้นฝนตกตลอดแล้วมันชื้น ช่างก็กลัวว่าถ้าทาสีแล้วอาจจักทำให้สีพอง ก็เลยมาทำข้างในแทน ได้ยินจากช่างว่าในบรรดาทั้งหมด บันไดในบ้านนี้แพงสุดแล้ว เพราะเป็นเหล็กที่ยื่นออกมาจากผนัง ซึ่งที่ทางบ้านก็ไม่ชอบอีกแล้วทำนูลว่า ส่วนคนแก่กับคนเมาเดินไม่ได้  เจ้าของบ้านเป็นคนดีไง ไม่กินเหล้าพร้อมด้วยไม่แก่ โฮะๆๆ คือใคร่ให้บ้านสวยไว้ก่อน อันตรายเอาไว้ทีหลัง  แต่ก็ออกมาสมความตั้งใจค่ะ  



ส่วนไฟที่เราได้ติดเป็นโป๊ะแทน ทำให้เขาเรียกโป๊ะไฟหรือเปล่ากันหว่า เป็นกล่องสีดำเหลี่ยมๆน่ะค่ะ เนื่องมาจากคานมันเหลื่อมไม่เท่ากัน แล้วเราก็ใคร่ได้ได้บ้านใหม่สไตล์โมเดิร์นลอฟท์ ก็เลยจัดไป เดินสายไฟแบบใส่ในท่อเหล็ก แลให้อารมณ์ดิบๆ กับส่วนที่เป็นปูนขัดมันตรงคานพร้อมด้วยบางมุมของบ้าน








มาคราวนี้ก็เป็นเรื่องคราวของตัวประตูอลูมิเนียมกันบ้างแล้ว เพราะว่าเป็นอะไรที่ลำบากใจทั้งในกระเป๋าสตางค์มาก แต่ไม่ติดก็ไม่ได้ ก็เพราะว่าว่ามันเป็นส่วนประกอบที่ทำให้บ้านสวย (คิดเอาเองว่าสวย) เเลื่องโจษจันกเป็นอลูมิเนียมของเมืองทอง สีดำด้านค่ะ แต่ละบ้านรู้สึกจะโอเวอร์ไซส์ทั้งนั้นเลย


ส่วนที่ทาสีของมุมที่ไหว้พระค่ะ เพราะตั้งใจว่าเวลาขึ้นบันไดก็เจอะเจอพระท่านพอดี ตรงนี้เป็นมุมเดียวของบ้านที่สีแรงฤทธิ์สุดชีวิตที่สุดแล้ว  

ปล.ถ่ายมุมแหงนค่ะ  



บิ๊วท์อินตั้งแต่ต้นเข้ามาแล้ว ส่วนอันนี้เป็นห้องน้นะำค่ะ ภายหลังแปะกระเบื้องกับวางสุขภัณฑ์บ้างแล้ว




ส่วนอันนี้ไฟที่ชอบเปิด ชวนให้นึกถึงผับ








กลับมาแล้วค่ะ พอดีออกไปข้างนอกมา หารูประหว่างสร้างไม่เจอเท่าไหร่ด้วย  โอกาสนี้เลยเอาลงเท่าที่มีก่อนแล้วกันนะคะ เดี๋ยวมาทยอยตอบค่ะ อิอิ  อันนีจักมีบางรูปที่ถ่ายกลางวันบ้างกลางคืนบ้าง ไม่ว่ากันนะคะ   ปลเจ้าของกระทุ้ ย่อรูปไม่เป็นแน่ๆๆ ถ่ายเป็นแต่รูป   ภาพนี้ถ่ายจากมุมทางเข้าค่ะ



มุมปูนที่ขัดมันที่ว่าทำไว้เพื่อวางเปียโนไปด้วยค่ะ ส่วนโต๊ะทานข้าวครั้งนี้กลายเป็นโต๊ะที่ทำงานไปเรียบร้อยครับ ก็อยู่คนเดียว เลยสมมุติินไปด้วยการทำงานไปด้วย ได้ดูทีวีไปด้วยเลย   
ปล.ออกจักรกๆหน่อยนะคะ ยังไม่ค่อยได้เก็บของเท่าไหร่เลย  




 อันนี้เป็นมุมห้องครัวค่ะ ครันๆ เจ้าของกระทู้ทำกับข้าวไม่เป็นเลย แต่ก็ควรที่จักมีที่เอาไว้ล้างจาน วางเตาไมโครเวฟ เครื่องปิ้งขนมปัง เตาแก๊ส เครื่องดูดควัน (สรุปมีครบ) ตรงที่วางก็ก่อครัวปูนเป็นปูนขัดมันเช่นกันค่ะ เพื่อให้เข้ากับบ้าน เเลื่องลือกโทนเป็นสีไม้เพื่อให้บ้านอบอุ่นที่สุด แท้ๆบ้านมันเป็นแนวโมเดิร์นลอฟท์ มันดิบมากอยู่แล้ว เลยเสริมไม้เข้าไปเสียหน่อยจักได้ไม่ดิบมากจนเกินไป



 ส่วนอันนี้เป็นมุมโปรดค่ะ ตอนแรกเลยคิดว่าจักทำเป็นอิฐส้มดีมั้ย เป้นกระเบื้องดินเผาน่ะค่ะบ้านจักได้ดูดิบๆฝรั่งๆ แต่ก็ใคร่มีที่เอาไว้วางกีต้าร์ เเละเป็นจุดรวมสายตาเวลาเพื่อนเเขกไปใครมา เลยติดเอลวิสเสียเลย  พร้อมทั้งแน่นอน เปิดไฟสีฟ้าใต้บันไดด้วย เด่นซะ





ในมุมโดยรวมบ้านทั้งหลัง เหล่าญาติๆต่างชอบห้องน้้ำมุมชั้นล่างที่สุด เขาทำนูลว่า นี่ก็เหมือนทาสีเสร็จแล้ว



มองมุมตรงอ่างล้างมือค่ะ ก็อยากจักให้มันดูอบอุ่นและออกเป็นไทยนิดๆ

ปล.ภาพติดเหลือกระฉ่อนงหน่อยนะคะ



มองมาจากด้านหลัง จะออกเป็นแบบนี้  คือบ้านมันเป็นสามเหลี่ยมแหลมด้วยน่ะค่ะ เลยจักมีมุมกว้างมุมพร้อมด้วยแคบหน่อย






 ส่วนตรงปลายเตียงใช้วอลเปเปอร์ลายตึกแบบเดียวกับตรงตู้โทรศัพท์ค่ะ จักได้เข้ากัน ซึ่งดูๆไปมันก็เหมาะดี แน่แท้ๆติดไฟไว้ตรงนั้นเพื่อที่จักได้นั่งเข้าไปอ่านหนังสือได้ด้วยค่ะ  

ปล.ไฟบ้านนี้มากหลายมากด้วย ก็เพราะว่าชอบเล่นไลท์ติ้ง มันจึงให้ความรู้สึกต่างกันดีระหว่างไฟสีฟ้ากับสีเหละบืองน่ะค่ะ เพื่อนแย้มว่าบ้านเหมาะแก่การทำลูกตอนเปิดไฟสีฟ้า 




อันนี้เป็นอีกภาพหนึ่งตอนนั้นมุ่งหมายทำปูนขัดมันทั้งหลัง แต่ที่บ้านค้านอย่างแรงเขาแย้มว่ามันดิบเกินไปแล้ว แต่ส่วนหนึ่งแอบชอบ เลยขอให้ทางสถาปนิกลองทำภาพจำลองมาให้ดูหน่อย ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ






บ้านพฤกษา-ซ.แก้วอินทร์-บางใหญ่





บ้านพฤกษา (ซ.แก้วอินทร์-บางใหญ่) ที่สุดของทำเลคุณภาพ ให้ คุณใช้ชีวิต แบบ เวสเกต์ สิ่งความอำนวยมากมาย อาทิเช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง,เซนทรัล เวสเกต์,Mega บางใหญ่ พร้อมทั้งเดินทางสะดวกสบายด้วย ทางด่วนศรีรัช - วงแหวนฯรอบนอก ให้คุณได้เชื่อมต่อ ชีวิตในเมืองได้อย่างง่ายดาย